กอ.รมน. สรุปผลสอบ สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ ขอสมัครมาเอง

กอ.รมน. สรุปผลสอบ สิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ ขอสมัครมาเอง

สรุปผลสอบ ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม สิบตำรวจโทหญิงที่เป็นข่าว กอ.รมน. ชี้แจง ขอสมัครมาช่วยราชการเอง พิจารณาแล้วมีความเหมาะสม แต่ล่าสุดหลังตั้งกรรมาการสอบข้อเท็จจริงคดีซ้อมทำร้ายทหารหญิง คณะกรรมการสอบสวน กอ.รมน.ภาค 4 สน. มีคำสั่งให้ตำรวจหญิงเลิกปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยแล้ว

ความคืบหน้าคดีสิบตำรวจโทหญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ซ้อมทำร้ายอดีตทหารหญิงจนไปออกโหนกระแส 

วันที่18 สิงหาคมจนกลายเป็นข่าวดัง ล่าสุด พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ออกมาชี้แจง เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2565 ภายหลัง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวพร้อมกับสรุปผลสอบ ส.ต.ท.หญิง ออกมาแล้ว โดย คณะกรรมการสอบสวน กอ.รมน.ภาค 4 สน. มีความเห็น เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมาว่า

ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามความสามารถ และไม่มีผลงานตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมายเป็นที่ประจักษ์ จึงยกเลิกให้ สิบตำรวจโทหญิงปฏิบัติหน้าที่ในหน่วย สำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภาค 4 สน. ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 – 31 กรกฎาคม 2565 พร้อมกับดำเนินการเรียกคืนเงินค่าตอบแทนพิเศษที่เบิกจ่ายไปแล้ว

สำหรับโทษทางวินัย ตามที่หน่วยงานต้นสังกัด สิบตำรวจโทหญิงกรศศิร์ ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวน ในส่วนของคดีที่เกิดขึ้นจากการทำร้ายร่างกายอดีตทหารหญิง บางหน่วยงานได้มีการสรุปผลสอบข้อเท็จจริงไปบ้างแล้ว อาทิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทั่งล่าสุดถึงคิว “กอ.รมน.” ที่ออกมาชี้แจงข่าวสิบตำรวจโทหญิงเป็นหน่วยงานล่าสุด

ขณะที่ คดีความอาญาที่ทาง พนักงานสอบสวน สภ. เมืองราชบุรี ได้แจ้งข้อหา ส.ต.ท.หญิง กรศศิร์ บัวแย้ม ผู้บังคับหมู่ กองกำกับการ 4 กองบังคับการตำรวจสันติบาล 1 (ผบ.หมู่ กก.4 บก.ส.1)  ฐานความผิด เป็นข้าราชการแสวงหาประโยชน์มิชอบ, ค้ามนุษย์ และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ จนไปสู่กระบวนการสอบสวนแล้วควบคุมตัวสิบตำรวจโท ขออำนาจศาล จ.ราชบุรี ฝากขังผัดแรก ไปเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา

โดยวันพรุ่งนี้ (2 ก.ย.65) พนักงานสอบสวนจะทำเรื่องขออนุญาตศาล จ.ราชบุรี ฝากขัง ส.ต.ท.หญิงโหด เป็นผัดที่ 2 เนื่องจากครบกำหนดฝากขังผัดแรกในวันที่ 2 ก.ย. 65 ซึ่งในขั้นตอนดังกล่าวทางญาติผู้ต้องหามีสิทธิ์ขอยื่นประกันตัวผู้ต้องหาได้ แต่จะได้ประกันตัวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ศาล จ.ราชบุรี พิจารณา

‘ทนายเดชา’ พร้อม ‘หมิว ทีวีพูล’ เข้ามอบตัวหลัง ‘อัจฉริยะ’ แจ้งความ

ทนายเดชา และ หมิว ทีวีพู เข้าพบเจ้าหน้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจหลัง อัจฉริยะ เข้าแจ้งความ ลั่นเป็นเรื่องบัดซบที่สุด ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าแจ้งความคำไหน นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือ ทนายเดชา พร้อมด้วย น.ส.ทิพยาภรณ์ ชาดีกรณ์ หรือ หมิว ทีวีพูล อายุ 26 ปี ผู้สื่อข่าวสายบันเทิง เเละทนายความของบริษัททีวีพูล เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ สภ.พระประแดง หลัง ผู้สื่อข่าวสายบันเทิง และ ทนายเดชา ถูกนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ แจ้งความข้อหาหมิ่นประมาทตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ

ทนายเดชาให้สัมภาษณ์ว่า ตนรู้สึกไม่พอใจต่อการแจ้งความครั้งนี้ และมองว่ามีเจตนาในการประจานมากกว่าจับกุม เนื่องจากหลังศาลออกหมายจับ มีการส่งให้สื่อมวลชนออกข่าวทันที โดยที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เเละผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ก็ยังไม่มีใครทราบเรื่อง ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยได้รับหมายศาลเลย

ปฏิเสธทุกข้อหา ทางตำรวจชุดสืบสวนก็ชี้เเจงว่า ฝ่ายสืบสวนไม่ทราบเรื่องดังกล่าว เพิ่งได้รับหมายจับจากพนักงานสอบสวนเช่นเดียวกัน เบื้องต้นทนายเดชา และทิพยาภรณ์ ได้ยื่นประกันตัวในชั้นสอบสวนวงเงิน 2 หมื่นบาท

ยืนยันว่าไม่เคยไดรับหมายเรียกมาก่อนเลย จึงไม่ทราบมาก่อนว่าถูกเเจ้งความดำเนินคดี ส่วน น.ส.ทิพยาภรณ์ ตำรวจได้ส่งเอกสารไปยังที่อยู่ตามบัตรประชาชนที่ จ.ปทุมธานี เเต่ตัว น.ส.ทิพยาภรณ์นั้นอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ ทำให้ไม่ได้รับหนังสือ อีกทั้งเอกสารดังกล่าวเป็นเพียงหนังสือขอความร่วมมือ ระหว่าง สภ.พระประเเดง กับ สภ.คลองหลวง ซึ่งเป็นที่อยู่ตามบัตรประชาชน ไม่ใช่หมายเรียกเเต่อย่างใด พร้อมแสดงความสงสัยว่าทำไมไม่มีการติดต่อมายังที่อยู่ปัจจุบันเลย แม้ทั้งสองจะมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง แถมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคำที่ทำให้โดนแจ้งความคือคำไหน

ทนายเดชา เผย ไม่เห็นด้วยกับการแจ้งความจับนักข่าว พร้อมกล่าวว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องที่บัดซบอุบาทว์ที่สุดในประเทศ เพราะประเทศเราคือระบอบประชาธิปไตย นักข่าวคือปากเสียงของประชาชน”

ทนายเดชา กล่าวอีกว่า และจะไปร้องเรียนคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวช ที่อาคารรัฐสภา รวมถึงร้องเรียนคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนเเห่งชาติ เพราะถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายเเรง หลังจากที่ นายอัจฉริยะ แจ้งความกับ ทนายเดชา

ด้าน หมิว ทีวีพูล ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่ได้พาดพิงถึงนายอัจฉริยะหรือผู้เสียหาย การสัมภาษณ์มันเป็นคำถามที่ตอนนั้นเป็นช่วงคดีแตงโมและคุณแม่แค่นั้น โดยยืนยันว่าไม่ได้มีการพาดพิงถึงนายอัจฉริยะแต่อย่างใด ซึ่งเอกสารที่เกี่ยวกับการแจ้งความนั้นตัวของคนที่เอามาให้ก็เอากลับไปด้วยทำให้ตัวเองไม่รู้ ส่วนตัวแล้วคิดว่ากระบวนการในการดำเนินคดีมันต้องมีขั้นตอนมากกว่านี้ แต่จนถึงขณะนี้ยังคงรู้สึกงงว่าถูกออกหมายจับได้อย่างไร และยืนยันว่าได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนไปตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป