เรื่องต้องรู้ รีวิว Nokia C10 อัปเกรดความจุ 32GB มาพร้อมแบตอึด 3000 mAh

เรื่องต้องรู้ รีวิว Nokia C10 อัปเกรดความจุ 32GB มาพร้อมแบตอึด 3000 mAh

เรื่องต้องรู้ รีวิว Nokia C10 อัปเกรดความจุ 32GB ขับเคลื่อนการทำงานให้ไหลลื่นต่อเนื่อง ด้วยแบตเตอรี่ความจุ 3000 mAh พร้อมแสดงผลคมชัดจับใจด้วยหน้าจอ LCD ขนาด 6.52 นิ้ว เปิดตัววางจำหน่ายแล้วในประเทศไทยคู่กับรุ่น C1 2nd edition (2022) โดยรวมมีสเปกคล้ายกับรุ่น C10 แต่จะมีการเพิ่มในส่วนของพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน ขนาด 32GB แต่ราคาเท่าเดิมนั่นเอง

รีวิว Nokia C10

 แบตเตอรี่ สำหรับรุ่นนี้จะให้ปริมาณแบตเตอรี่มากกว่าตัว C1 2nd edition (2022) อยู่ที่ขนาด 3000 mAh (แต่จะเท่ากับตัว C10) มีจุดเด่นอยู่ที่การถอดเปลี่ยนแบตเตอรี่ได้เลย ทำให้สามารถพกแบตฯ สำรองพร้อมใช้งานทันที

ประมวลผล ทำงานภายใต้ระบบปฏิบัติการ Android 11 (Go edition) ชิปเซ็ต Unisoc SC7331E (28nm) ซีพียูแบบ Quad-core 1.3 GHz รองรับพื้นที่เก็บข้อมูลเริ่มต้นที่ 16 / 32GB สามารถเพิ่มได้ด้วย microSD Card สูงสุด 256GB ผสานคู่กับหน่วยความจำ RAM ขนาด 1 / 2GB คู่กับกราฟิก GPU แบบ Mali-400 MP2

กล้องถ่ายภาพ มาพร้อมกับกล้องหลัง, กล้องหน้า ด้านละหนึ่งตัว โดยกล้องหลังจะมีความละเอียดสูงสุด 5 ล้านพิกเซล + LED แฟลช และโหมด HDR ฝั่งกล้องหน้าเซลฟี่จะมีความละเอียดเหมือนกันที่ 5 ล้านพิกเซล + LED แฟลช สามารถถ่ายภาพกลางคืนได้ในระดับหนึ่ง

ดีไซน์ ตัวเครื่องดีไซน์เรียบง่ายเพรียวบางสไตล์ Nordic แต่ยังคงใส่ในในรายละเอียดของงานประกอบ โดยคำนึงถึงหลักสรีระศาสตร์ มาพร้อมหน้าจอรอยบากแบบติ่งหยดน้ำ (V-notch display) ซึ่งเข้ากันอย่างดีกับขอบจอบางพิเศษ

หน้าจอแสดงผล ส่วนของจอแสดงผลจะมีขนาด 6.52 นิ้ว อัตรส่วน 20:9 ขอบบาง ความชัดระดับ HD+ (720 x 1,600 พิกเซล) มอบความสว่างสูงสุดที่ 400 nits ปกป้องรอยขีดข่วนด้วย Panda Glass คุณภาพดี

รักษาความปลอดภัย รับประกัน 2 ปี สำหรับการอัปเดตฟีเจอร์รักษาความปลอดภัยทั้งไฟล์เอกสาร วิดีโอ หรือภาพถ่าย และข้อมูลสำคัญอื่น ๆ ได้อย่างมั่นใจหายห่วง พร้อมเสริมให้แกร่งยิ่งขึ้นด้วยการสแกนใบหน้า (Face Unlock)

พอร์ตเชื่อมต่อ รองรับการเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth 4.2 และ WiFi 802.11 b/g/n มีช่องเสียบหูฟัง Audio Jack 3.5 มม., micro USB 2.0 รวมไปถึงฟีเจอร์รับคลื่นวิทยุ FM Radio

Google เผย ระบบแสกนลายนิ้วมือ ของ Pixel 6 ช้า เพราะระบบตรวจเข้มขึ้น

Google ทำการเปิดเผยหลังมีการรายงานปัญหา ระบบแสกนลายนิ้วมือ ของ Pixel 6 ดำเนินการช้ามาก ว่าเป็นเพราะระบบนั้นมีการตรวจจับอย่างเข้มข้นขึ้น เมื่อวานนี้ (8 พ.ย. 2564) ได้มีการร้องเรียนถึงปัญหา ระบบแสกนลายนิ้วมือ ของ Google Pixel 6 Series นั้นดำเนินการไปอย่างช้ามาก โดยทาง Google นั้นได้ทำการชี้แจงว่าปัญหาดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากการตรวจจับที่มีความเข้มงวดมากขึ้น และทางบริษัทเองไม่ได้มองว่ามันคือปัยหาแต่อย่างใด

โดยการชี้แจงดังกล่าวนั้นมาจาก Twitter – Made By Google ที่ได้ชี้แจงว่าเนื่องด้วย algorithms ทางด้านความปลอดภัยที่มีการพัฒนาขึ้นนั้นส่งผลการแสกนลายนิ้วมือเพื่อทำการยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานจะใช้ระยะเวลานานขึ้น

ซึ่งนอกจากการชี้แจงแล้วนั้น Tweet ดังกล่าวยังได้ทำการแนะนำถึงวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าระบบแสกนลายนิ้วมือนั้นจะทำงานได้อย่างเต็มที่ 

นอกจากปัญหาดังกล่าวแล้วนั้น ระบบที่ว่านี้ก็ยังมีปัญหาอีกอย่างคือข้อมูลลายนิ้วมือนั้นจะผูกติดกับ Motherboard ของมือถือแต่ละเครื่องโดยเฉพาะ ซึ่งก็ทำให้การซ่อมแซมนั้นมีความยากลำบากมากขึ้น

หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยถึงการมีอยู่ของ Motorola Edge X – Edge 30 Ultra สมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปของโมโตโรล่า ก็ได้มีการหลุดออกมาของภาพตัวเครื่องในที่สุด เมื่อวานนี้ (11 พ.ย. 2564) ได้มีการเปิดเผยอย่างต่อเนื่องของสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปของ Motorola อย่าง Edge X / Edge 30 Ultra ซึ่งในครั้งนี้นั้นก็ในส่วนของภาพตัวเครื่องที่ได้หลุดออกมาในที่สุด ทำให้ได้เห็นว่าตัวเครื่องที่มีการพูดถึงว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนเครื่อง “แรก” ที่ใช้งาน Snapdragon 898 นั้น มีรูปลักษณ์เป็นอย่างไร

โดยได้รับอาณิสงค์จาก @onleaks และ 91mobiles ที่ได้นำภาพของตัวเครื่องสมาร์ทโฟนรุ่นต่อไปของโมโตโรล่าให้เราได้เห็นกัน

ซึ่งตัวรูปนั้นได้แสดงให้เห็นถึงหน้าจอ AMOLED 144Hz ขนาด 6.67 นิ้ว แบบเรียบ และกล้องหน้าแบบ punch hole ขนาดความคมชัด 60MP และด้านหลังของตัวเครื่องนั้นจะเป็นที่อยู่ของกล้องทั้งหมด 3 ตัวด้วยกัน ได้แก่ กล้องหลัก 50MP (OV50A), ultra wide 50MP (JN1), กล้องที่ 3 ขนาด 2MP ไม่มีกล้อง telephoto

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป